Chapter 2 : DARK BLOOM

Sorry, this entry is only available in Thai.

ORIGINAL SINCE 1979 COLLECTION

“ปัจจุบันนั้นถูกสร้างขึ้นด้วยอดีต” น่าจะเป็นประโยคที่แสดงให้เห็นถึงช่วงเวลาที่เพิ่งผ่านไปไม่นานซึ่งเป็นสิ่งชูโรงที่นำความทรงจำอันยากจะลืมเลือนให้กลับมาอีกครั้งได้ชัดเจนที่สุด  สำหรับเครื่องแต่งกายนั้น สามารถสะท้อนผ่านกระบวนการค้นคว้าข้อมูล การสร้างสรรค์งานออกแบบ ขั้นตอนในการตัดเย็บแบบนับฝีเข็ม ก่อนจะถูกสวมใส่ด้วยชายหนุ่มที่เรียกได้ว่า “ช่างเลือก”

DAPPER ได้ตอกย้ำแนวคิดนั้นด้วยการนำเสนอ CAPSULE COLLECTION ภายใต้ธีมอันหลากหลาย เพื่อแสดงให้เห็นถึงแก่น ของDAPPERตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แสดงภาพความทรงจำ ของหนุ่ม “ช่างเลือก” ที่เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรก ในการรวมตัวกันของเหล่าไอเทม “ขึ้นหิ้ง” ของแบรนด์

"Dark Bloom" Collection

ดอกไม้และพืชพันธุ์หลากชนิดที่เป็นหนึ่งในภาพจำของDAPPER ถูกนำมาเล่าใหม่ในแบบร่วมสมัย ผ่านความหม่นทึมในช่วงต้น และการเล่นสีสันที่ตัดกันของเฉดเข้มขรึมกับเฉดสีสดสว่าง  ทว่าแนวคิดแท้จริงที่ซึมซ่อนอยู่ในเนื้อผ้า ลวดลายและโครงร่างชุด คือช่วงที่ดอกไม้บานสะพรั่งนั้นเปรียบเหมือนกลุ่มคนรุ่นใหม่ของวันนี้ที่เติบโตขึ้นเป็นความหวังของวันใหม่  ซึ่งแน่นอนมันถูกเปรียบเปรยผ่านสีที่หม่นทึมในช่วงแรก แต่สุดท้ายแล้วสีสันและความมีชีวิตชีวาที่สามารถเผยให้เห็นในอีกไม่นานนั้น เหมือนดอกไม้ของฤดูกาลใหม่ที่งอกเงยขึ้นมาหลังฝน

ไฮไลท์ของคอลเล็คชั่นนี้คงหนีไม่พ้นเทคนิกของการพิมพ์ผ้า ที่ถือว่ายังเป็นความลับขั้นสุดของแบรนด์   ในกระบวนการพิมพ์ผ้าแบบดิจิตอล  ที่สามารถให้สีสันที่สดใสได้แบบไม่แข็งกระด้าง ไม่ปรากฎเนื้อสีหลงเหลือบนพื้นผิวผ้าอีกทั้งยังรู้สึกอ่อนโยนต่อผิวเมื่อสวมใส่ อยู่ในเนื้อผ้าคอตตอน ซาติน ที่ผ่านการทรีตเมนต์เส้นด้ายอย่างดี ในแบบคัดแล้วคัดอีก

อีกหนึ่งภาพจำ ที่ทำให้ทุกคนจดจำได้ว่า DAPPER เป็นเสื้อผ้า Ready-to-wear ที่ใช้เทคนิคชั้นสูงที่ลอกเลียนแบบได้ยาก คือเทคนิคที่ปรากฎบนเสื้อทีเชิ้ตพิมพ์ลาย โดยในคอลเล็กชั่นนี้ได้เลียนแบบสโตรคงานวาดสีน้ำมันบนแคนวาส ในภาพของดอกกุหลาบที่ให้พื้นผิวที่คล้ายงานแต้มสีน้ำมัน ที่เกิดจากการลองผิดลองถูกซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกลายเป็นไอเทมหนึ่งเดียวที่คล้ายงานศิลปะชิ้นเอกในพิพิธภัณฑ์